เมนู

13. อุพพรีเปติวัตถุ



ว่าด้วยพระราชพระนามว่าพรหมทัตต์มี 86,000 องค์



[110] พระเจ้าพรหมทัตผู้เป็นใหญ่ ได้เสวย
ราชสมบัติในแคว้นปัญจาลราช เมื่อวันคืนล่วง
ไป ๆ พระองค์ก็เสด็จสวรรคต พระนางเจ้า
อุพพรีมเหสีเสด็จไปยังพระเมรุมาศ แล้วทรง
กรรแสงอยู่ เมื่อพระนางไม่เห็นพระเจ้าพรหม-
ทัต กรรแสงว่า พรหมหัต ๆ ก็ดาบสผู้เป็น
มุนีสมบูรณ์ด้วยจรญาณ ได้มาที่พระนาง
อุพพรีประทับอยู่นั้น ท่านได้ถามชนทั้งหลายที่มา
ประชุมกันในที่นั้นว่า นี่เป็นเมรุมาศของใคร มี
กลิ่นหอมต่าง ๆ ฟุ้งตลบไป หญิงนี้เป็นภรรยา
ของใคร เมื่อไม่เห็นพระเจ้าพรหมทัตผู้เป็นใหญ่
ซึ่งเสด็จไปแล้วไกลจากโลกนี้ คร่ำครวญอยู่ว่า
พรหมทัต ๆ ชนที่มาประชุมกันอยู่ในที่นั้น
กล่าวตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นี่เป็นพระเมรุมาศ
ของพระเจ้าพรหมทัต ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ นี่
เป็นพระเมรุมาศของพระเจ้าพรหมทัต มีกลิ่น
หอมฟุ้งตลบไป หญิงนี้เป็นพระมเหสีของท้าวเธอ
เมื่อไม่เห็นพระเจ้าพรหมทัตพระราชสวามี

ซึ่งเสด็จไปไกลจากโลกนี้ ทรงกรรแสงอยู่ว่า
พรหมทัต ๆ.

ดาบสจึงถามว่า
พระราชานีพระนานว่าพรหมทัต ถูกเผา
ในป่าช้านี้ 86,000 พระองค์แล้ว บรรดาพระเจ้า
พรหมทัตเหล่านั้น พระนางทรงกรรแสงถึง
พระเจ้าพรหมทัตพระองค์ไหน.

พระนางอุพพรีตรัสตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระราชาพระองค์ใด
เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าจุฬนี ทรงเป็นใหญ่
อยู่ในแคว้นปัญจาลราช ดิฉันเศร้าโศกถึงพระ-
ราชาพระองค์นั้น ผู้เป็นพระราชสวามี ทรงประ
ทานสิ่งของที่น่าใครทุกอย่าง.

ดาบสกล่าวว่า
พระราชาทุกพระองค์ทรงพระนามว่า
พรหมทัตเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นพระราชโอรส
ของพระเจ้าจุฬนี เป็นใหญ่อยู่ในแคว้นปัญจาล-
ราช พระนางเป็นพระมเหสีของพระราชาเหล่า
นั้นทั้งหมดโดยลำดับกันมา เหตุไรพระนางจึง
เว้นพระราชาองค์ก่อน ๆ มากรรแสงถึงแต่
พระราชาองค์หลังเล่า.

พระนางอุพพรีตรัสตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ดิฉันเกิดเป็นแต่หญิง
ตลอดกาลนานเท่านั้นหรือ หรือเกิดเป็นบุรุษบ้าง
ท่านพูดถึงแต่การที่ดิฉันเป็นหญิงในสงสารเป็น
อันมาก.

ดาบสตอบว่า
บางคราวพระนางเกิดเป็นหญิง บางคราว
ก็เกิดเป็นบุรุษ บางคราวก็เข้าถึงกำเนิดปสุสัตว์
ที่สุดแห่งอัตภาพทั้งหลาย อันเป็นอดีต ย่อมไม่
ปรากฏอย่างนี้.

พระนางอุพพรีตรัสว่า
ท่านดับความกระวนกระวายทั้งปวงของ
ดิฉัน ผู้เร่าร้อนอยู่ให้หายเหมือนบุคคลเอาน้ำดับ
ไฟที่ราดน้ำมัน ฉะนั้น ท่านได้บรรเทาความโศก
ถึงพระสวามีองดิฉันผู้ถูกความโศกครอบงำ
แล้วถอนขึ้นแล้วหนอซึ่งลูกศรคือความโศกอัน
เสียบแทงที่หทัยของดิฉัน ข้าแต่ท่านผู้เป็นมุนี
ดิฉันเป็นผู้มีลูกศรคือ ความโศกอันท่านถอนขึ้น
ได้แล้ว เป็นผู้เย็นลงแล้ว ดิฉันจะไม่เศร้าโศก
ไม่ร้องไห้อีกเพราะได้ฟังคำของท่าน

พระนางอุพพรี ฟังคำสุภาษิตของดาบส
ผู้เป็นสมณะนั้นแล้ว ถือบาตรและจีวรออกบวช
เป็นบรรพชิต ครั้นออกบวชแล้ว เจริญเมตตาจิต
เพื่อเข้าถึงพรหมโลก พระนางอุพพรีนั้น เมื่อ
ท่องเที่ยวไปสู่บ้านหนึ่งจากบ้านหนึ่ง สู่นิคมและ
ราชธานีทั้งหลาย ได้เสด็จสวรรคตที่บ้านอุรุเวลา
พระนางเบื่อหน่ายความเป็นหญิง เจริญเมตตาจิต
เพื่อบังเกิดในพรหมโลก จึงได้เป็นผู้เข้าถึง
พรหมโลก.

จบ อุพพรีเปติวัตถุที่ 13

อรรถกถาอุพพรีเปติวัตถุที่ 13



เรื่องนางอุพพรีเปรตนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโต
ดังนี้. พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสิกาคนหนึ่ง. เล่ากันมาว่า ในกรุงสาวัตถี ได้มีสามี
ของอุบาสิกาคนหนึ่งตายไป. อุบาสิกานั้นก็อาดูรเพราะความทุกข์
ในการพลัดพรากจากสามี เศร้าโศก เดินร้องไห้ไปยังป่าช้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติแห่งโสดาปัตติผลของนาง
ทรงมีพระมนัสอันพระกรุณากระตุ้นเตือน จึงเสด็จไปยังเรือน
ของนาง ประทับนั่งบนบัญญัตอาสน์. อุบาสิกาเข้าไปเฝ้าพระ-